ความฝันของสาวๆ หลายคนที่อยากมีริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม อวบอิ่ม เซ็กซี่ ไม่มีรอยแตกแห้ง ปากดูสุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์ หมอแนะนำ “การฉีดฟิลเลอร์ปาก” เลยครับ เพราะนอกจากจะแก้ปัญหาปากเป็นร่อง ปากแห้ง ให้กลายเป็นปากที่สวย ดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้นขึ้นได้ และยังเป็นเทรนด์ความงามที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ เนื่องจากหลังทำไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับบ้านหรือไปชอปปิ้งได้ตามปกติ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้าอีกด้วยครับ
ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ปาก คือ การใช้สารเติมเต็มที่ได้จากธรรมชาติอย่างสารไฮยารูลอนมาฉีดบริเวณริมผีปาก โดยจุดประสงค์ของการฉีดฟิลเลอร์ปากคือ การปรับรูปทรงปากให้มีความอวบอิ่มมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากไม่ได้รูป ตลอดจนปัญหาปากแห้ง ปากบาง มองแล้วรู้สึกไม่สวยอวบอิ่ม การฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยให้ปากอิ่มเอิบแลดูสุขภาพดี มีความเซ็กซี่ โดดเด่น และสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้น
ใครบ้างที่ควรฉีด FILLER ปาก
การฉีด FILLER ปากเหมาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหามุมปากตก ลักษณะรูปปากที่ไม่ได้สัดส่วน เช่น ริมฝีปากบางเกินไป ริมฝีปากไม่เท่ากัน ปากเปี้ยว เป็นต้น การฉีด FILLER ปาก จึงช่วยเติมเต็มร่องปาก ยกมุมปากให้เป็นทรงสวยขึ้น ในรายที่มุมปากทั้ง 2 ข้าง ไม่เท่ากัน สามารถปรับริมฝีปากที่บางเกินไปให้ดูอวบอิ่มขึ้นได้ ทำให้ปากดูเซ็กซี่ ขอบปากได้รูปทรงชัดเจน และทาลิปสติกสวยขึ้น
ข้อดีของการฉีด FILLER ปาก
- สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีด ซึ่งใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ทำให้สาวๆ มีริมฝีปากที่สวย และดูดีอย่างง่ายดาย
- การดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องพักฟื้น
- มีความปลอดภัยสูง
- ราคาต่ำกว่าการทำศัลยกรรม
ข้อด้อยของการฉีด FILLER ปาก
- จะไม่มีผลลัพธ์ที่ถาวร
- ระยะเวลาการอยู่ของฟิลเลอร์นั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด ปัจจัยภายในอื่นๆ และพฤติกรรมของคนไข้
- ในช่วงแรกๆ ควรหลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัด เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่าอายุจริงของฟิลเลอร์ได้
หลังฉีด FILLER ปาก จะบวมกี่วัน
หลังจากฉีดจะมีรอยเข็มเล็กๆ เป็นจุดแดงอยู่บริเวณรอบๆ ริมฝีปาก ซึ่งรอยเข็มนี้สามารถหายไปเองได้ภายใน 24-48 ชั่วโมง และจะมีอาการบวมประมาณ 1-3 วัน หลังจากนั้นสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเพียงแค่เว้นเครื่องดื่มร้อน ในช่วงแรกๆ เท่านั้น
ฉีด FILLER ปากอันตรายไหม
FILLER ปาก เป็นสารเติมเต็มกลุ่มสารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ เรียกว่า “HA” ที่นำมาฉีดปากบ่อยในปัจุบัน สารตัวนี้สามารถสลายได้ด้วยตัวเอง จึงทำให้การฉีด FILLER ปากจะไม่มีอันตราย สำหรับหลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้าง ว่า “ฉีด FILLER ปากแล้วปากเน่า” ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงหากทำการฉีดไม่ถูกวิธี ไม่มีเทคนิคปลอดเชื้อโรค แพทย์ไม่เชี่ยวชาญ จะเกิดผลเสียอย่างร้ายแรงได้ จึงนับว่าเป็นข้อสำคัญว่า ก่อนการฉีด FILLER ปาก ควรปรึกษาแพทย์และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก่อนทุกครั้งผ่าตัดทำปากมาแล้วแต่ปากบางเกินไป เติม FILLER แก้ได้ไหม
สามารถใช้ FILLER ปากแก้ไขให้ดีขึ้นได้ แต่ก็ขึ้นกับผังผืดที่เกิดจากการผ่าตัด ถ้าพังผืดดึงรั้งมากก็จะเติมฟิลเลอร์ได้น้อย ดังนั้นก่อนที่จะผ่าตัดทำริมฝีปากควรศึกษาข้อมูลให้ดี เพราะหมอเองก็เจอคนไข้หลายๆเคสที่ผ่าตัดริมฝีปากบางเกินไปเนื้อน้อยมากจนไม่สามารถเติมฟิลเลอร์แก้ได้การฉีด FILLER ปาก ควรใช้กี่ซีซี
หมอจะประเมินรูปปากของคนไข้แต่ละคนก่อนเลือกปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ และยี่ห้อตามตำแหน่งที่ต้องการฉีดก่อนเสมอ โดยส่วนใหญ่จะฉีดอยู่ที่ 1ซีซี หรือมากว่านั้น แล้วจะเลือกฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลแข็ง หรือมีความคงตัว เพื่อจะปั้นเป็นทรงได้สวย และจะค่อยๆ ฉีด ค่อยๆ ปั้น ตามทรงที่คนไข้ต้องการ ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเป็นที่พอใจของคนไข้มาตลอด อีกทั้งเหมือนการเติมคอลลาเจนแก่ผิวคนไข้ให้ความชุ่มชื้นอีกด้วย
เลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน ในการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ทางคลินิกเลือกใช้ฟิลเลอร์ 2 ยี่ห้อด้วยกันครับ คือ Juvederm และ Restylane โดยจะเลือกให้เหมาะกับคนไข้ที่ต้องการแก้ไขริมฝีปากแห้ง ให้ผิวปากชุ่มชื้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วตามมาตรฐานของฟิลเลอร์จะมีอายุ 1-2 ปี แต่ยังไงก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบริเวณที่ฉีด ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด และการดูตัวเองหลังทำของคนไข้ เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ฟิลเลอร์จะสลายตัวได้เองจนถึง 100 % คือไม่เหลือตกค้างแล้ว ภายใน 2 ปี ไม่มีการระคายเคืองต่อผิวหนัง และเคลื่อนที่ หรือไหลย้อยแต่อย่างใดครับ
ทําไมถึงต้องเลือกฉีดฟิลเลอร์กับคุณหมอกัน
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง หมอจะอธิบายรายละเอียดให้คนไข้เข้าใจก่อนเสมอ เพื่อจะได้แก้ไขได้อย่างตรงจุด และเห็นผลลัพธ์ที่ดี
- หมอจะเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้มีคุณภาพ ที่ได้รับการรับรอง มีเอกสารกำกับยาที่ถูกต้อง สามารถตรวจสอบเช็คเลข Lot และความปลอดภัยได้ เนื่องจากหมอตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฟิลเลอร์แท้จะ สามารถสลายได้ทั้งหมด 100% และไม่มีผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นกับร่างกายของคนไข้ ได้ในภายหลังครับ
- หมอใช้เทคนิค 4D ในการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะ เพื่อให้ฟิลเลอร์เรียงอยู่บนผิวหน้าของเราได้อย่างละเอียด เรียบเนียน กลมกลืน ไปกับผิวหน้าและดูธรรมชาติ โดยใช้เข็ม 2 แบบ คือ เข็มทู่และเข็มแหลม สำหรับเข็มทู่จะใช้ฉีดบริเวณผิวที่ไม่ติดกระดูก หรือผิวในชั้นไขมัน ค่อยๆ ฉีดเพื่อป้องกันการเข้าเส้นเลือด ส่วน เข็มแหลมจะใช้ฉีดผิวบริเวณติดกระดูก หรือฉีดลงผิวในชั้นลึกครับ
การเตรียมตัวก่อนฉีด FILLER ปาก
- ควรงดการรับประทานอาหารเสริมหรือยาบางชนิด ที่สามารถกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น ยาแอสไพริน วิตตามินอี และ น้ำมันปลา เป็นต้น
- หากต้องทำการเลเซอร์ในบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ ควรทำก่อนการฉีดฟิลเลอร์ อย่างน้อย 3 วัน
- งดดื่มแอลกฮอล์ และ กิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การเข้าซาวน่า อบไอน้ำ ออกกำลังกาย cardio เป็นเวลา 24 ชม. ภายหลังการฉีดฟิลเลอร์
ขั้นตอนการฉีด FILLER ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะเริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดเครื่องสำอางจากริมฝีปากก่อน และทำความสะอาดด้วยเบตาดีน อีกรอบเพื่อฆ่าเชื้อ ระหว่างการฉีดจะทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อยเนื่องจากมีตัวยาชาผสมอยู่ในฟิลเลอร์ด้วย จะใช้ระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนจำนวนเข็มที่ฉีดนั้นจะขึ้นอยู่กับความหนาของริมฝีปากคนไข้ ซึ่งขั้นตอนการฉีดทั้งหมดจะใช้ประมาณ 30-40 นาที
การดูแลตัวเองหลังฉีด FILLER ปาก
- ควรดื่มน้ำเยอะๆ อย่างน้อย 8 แก้วขึ้นไป ต่อวัน เพราะน้ำสามารถช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น และกระจายตัวได้ดีด้วย
- การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มร้อนๆ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเสียทรงได้ ข้อนี้สำคัญมาก
- ควรหลีกเลี่ยงการจูบ แกะ และการดึง รวมไปถึงการลอก หรือทำลายผิวบริเวณริมฝีปาก
- งดทาปาก 24 ชั่วโมง
- งดใช้หลอดดูดน้ำ 1 สัปดาห์ เพราะการใช้หลอดดูดจะทำให้รูปปากเสียทรงได้
สำหรับสาวๆ คนไหนที่สนใจอยากฉีด FILLER ปาก แต่ไม่รู้จะไปทำที่ไหนดี แนะนำให้เลือกสถานพยาบาล หรือคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน และแพทย์ผู้ชำนาญมากประสบการณ์ ด้านศัลยกรรมหรือเสริมความงามที่เข้าใจและพร้อมให้คำปรึกษากับเราได้นะครับ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
บทความ : ปั้นปากกระจับ อวบอิ่ม ด้วย FILLER บทความ : คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ “ฟิลเลอร์” เติมเต็มให้ใบหน้าให้ดูอ่อนวัย บทความ : เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย ฟิลเลอร์ กับหมอกัน ธีระธรฌ์คลินิกนัดจองคิวล่วงหน้า หรือ ปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่
082-392-3692 (Hotline)
Line: @theerathornclinic (มี@ข้างหน้าด้วยนะคะ)
