เราเห็นคำว่า “Social Distancing” อยู่บ่อยๆ ตามสื่อรายงานข่าวหรือโซเชียลมีเดีย ตั้งแต่เกิดการระบาดโรคไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 ทำให้เราหันมาใส่ใจตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้น นอกจากนี้แต่ยังมีคนส่วนมากที่ไม่เข้าใจคำว่า Social Distancing คืออะไร? เพราะอะไรทำไมต้องเว้นระยะห่าง!
โรงพยาบาลทหารที่ตั้งขึ้นฉุกเฉิน สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ภาพจาก the National Museum of Health and Medicine, Armed Forces Institute of Pathology, Washington, D.C., United States.
Social Distancing คืออะไร ?
Social Distancing หรือที่ในภาษาไทยเรียกว่า ‘การเว้นระยะห่างทางสังคม’ ไม่ได้เพิ่งถูกนำมาใช้แค่ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 แต่ Social Distancing ได้ถูกนำมาใช้ในเหตุการณ์โรคระบาดทั่วโลกอยู่หลายๆครั้ง อาทิเช่น เหตุการณ์ไข้หวัดใหญ่สเปน ซึ่งมีคนติดเชื้อและเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 50 ล้านคน ทุกเตียงในโรงพยาบาลฟิลาเดเฟีย 31 แห่ง เต็มไปด้วยคนป่วย และอยู่ในภาวะใกล้ตาย เพราะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สเปน หลังจากนั้นไม่นานก็มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น กว่านักการเมืองในฟิลาเดจะสั่งปิดเมือง แต่เหมือนว่าจะสายไป เมื่อเทียบกับเมืองเซนต์หลุยส์ที่อยู่ห่างออกไปราว 1,448 กิโลเมตร หลังตรวจพบว่ามีคนติดเชื้อเพียง 2 วัน จึงประกาศปิดเมืองทันที ตามด้วยการปิดโรงเรียน ปิดสนามเด็กเล่น ปิดห้องสมุด ปิดห้องพิจารณาคดี รวมทั้งโบสถ์ด้วย การเดินทางถูกจำกัดทันที การรวมตัวกันมากกว่า 20 รายขึ้นไปถูกสั่งห้าม จึงทำให้เกิดมาตรการการเว้นระยะห่าง หรือ Social Distancing
Social Distancing คือ การเว้นระยะห่างของตัวเราออกจากสังคม เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกาย รวมถึงการลดการออกไปนอกบ้านโดยไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงการใช้ขนส่งสาธารณะ การไม่เข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น และการทำงานอยู่ที่บ้าน ในปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในช่วงภาวะการเกิดโรคระบาด COVID-19 จึงได้นำ Social Distancing มาใช้ และหลายบริษัทมีนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้าน (Work from home) หรือการที่รัฐบาลปิดสถานศึกษาชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่เกิดการการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19
แนะแนวทางการทำ Social Distancing
หลายคนยังสงสัยว่า Social Distancing ต้องห่างแค่ไหนถึงจะอยู่ในระยะที่ปลอดภัยห่างไกลจากไวรัส COVID-19 วันนี้เรามีข้อแนะนำสำหรับการทำ Social Distancing
- เว้นระยะห่างเพื่อป้องกัน COVID-19 ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกนั้น การเว้นระยะห่างระหว่างตัวเรากับคนที่มีอาการไอ หรือจามนั้น ควรรักษาความห่างอยู่ที่อย่างน้อย 1 เมตร เพราะไวรัสนั้นสามารถติดต่อได้ผ่านละอองขนาดเล็กที่มาจากการไอหรือจามได้ ซึ่งถ้าหากอยู่ใกล้ชิดกันเกินไปเราก็อาจจะสูดเอาไวรัสเข้าร่างกายได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสทางกายภาพ เพราะอาจเป็นการนำเชื้อมาสู่ตัวเอง หรือในขณะเดียวกันก็เป็นการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
- หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน หรือการใช้ขนส่งสาธารณะ เนื่องจากไวรัส COVID-19 นั้นสามารถติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสและละอองขนาดเล็ก การที่เราออกไปนอกบ้าน ใช้ขนส่งสาธารณะที่มีความหนาแน่น และในบางครั้งเราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ราวจับ เช่น รถเมล์ หรือรถไฟฟ้า เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครนั้นมีเชื้อไวรัสอยู่บ้าง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นพาหะ (มีเชื้อแต่ไม่มีอาการ) ดังนั้นการหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านก็อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวเองในขณะนี้
- การ Work From Home หรือการทำงานที่บ้าน ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการแพร่เชื้อ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำงานที่บริษัทนั้นอาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่พนักงานบางกลุ่มนั้น ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะที่มีความแออัดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนได้ ซึ่งเป็นที่ที่มีโอกาสสูงในการติดเชื้อ ดังนั้นการให้พนักงาน Work From Home ก็เป็นการป้องกันการแพร่เชื้อทั้งภายในบริษัทและนอกบริษัทเช่นกัน
- การเรียนการสอนผ่านทางช่องทางออนไลน์ อีกช่องทางหนึ่งที่มหาลัยหรือสถานศึกษาต่างๆ สามารถนำมาใช้ได้เพื่อป้องกันการระบาดภายในมหาลัยและห้องเรียน ต้องขอบคุณความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ทำให้มีแพลตฟอร์มต่างๆ มารองรับการเรียนแบบระยะไกล
ในช่วงเวลาที่ยังไม่สามารถหาวิธีการรักษาได้ และยังมียอดการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่เรื่อยๆ ดังนั้น การปฏิบัติตามคำแนะนำ Social Distancing เป็นอีกวิธีที่จะยับยั้ง COVID-19 ได้ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตามก็ควรสังเกตอาการของตัวเอง หากมีอาการเหมือนว่าตัวเองจะติดเชื้อ COVID-19 ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษา ยิ่งรู้เร็วก็ยิ่งป้องกันได้เร็วขึ้น ด้วยความปรารถนาดีจาก ธีระธรฌ์คลินิก
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
บทความ : ผัก ผลไม้ วิตามินซีสูง สร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันcovid-19
บทความ : อยู่บ้านอย่างไร ไม่ให้เบื่อ!! เมื่อต้องกักตัวช่วง โควิด-19
บทความ : เราต้องรอด!! COVID-19 ต้องหายไป
นัดจองคิวล่วงหน้า หรือ ปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่


นพ.รัฐรุจน์ บารมีไชยภัสร์ (หมอกันต์) แพทย์ศัลยกรรมมือหนึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านเสริมความงาม การแก้ไขจมูกเทคนิค Open Reconstruction ออกแบบรูปหน้าและทรงจมูกตามหลัก Anatomy รวมถึงบริการทางด้านการดูแลผิวพรรณ เลเซอร์ โบท็อกซ์ (Botox) ฟิลเลอร์ (Filler) ร้อยไหม เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานผ่าน อย. และการผ่าตัดเสริมความงามทั่วเรือนร่าง เสริมจมูก เสริมหน้าอก ดูดไขมัน ตาสองชั้น ยกกระชับผิว เก็บกรอบหน้า ปั้นหน้าเด็ก และรักษาไฝ ฝ้า กระ จุดด่างดำ แบบครบวงจร การันตีฝีมือและผลงานด้วยรีวิวเยอะที่สุด มีมากกว่า 10,000 เคส