“เสริมคาง หน้าเรียว” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบัน ที่การทำคางเป็นที่นิยมก็เพราะเหตุผลนี้ เนื่องจากสาวๆ แต่ละท่าน หรือผู้ที่มีความสนใจในการทำคางแต่ละคน มีรูปหน้าและองค์ประกอบของใบหน้าที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น จึงไม่แปลกที่การเสริมคางจะเป็นทางเลือกในการปรับเปลี่ยนโครงหน้าให้ดูเรียวมากขึ้น เพื่อเสริมความมั่นใจนั่นเองครับ
“เสริมคาง หน้าเรียว” ทำได้จริงหรือไม่ สามารถทำคางวิธีไหนได้บ้าง?
การเสริมคาง เป็นวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องคางสั้น คางเล็ก คางเหลี่ยม ที่ทำให้ใบหน้าดูสั้นกลม รวมถึงใบหน้าบริเวณส่วนกลางดูกว้างและบาน การเสริมคางด้วยซิลิโคนแท่งสามารถปรับรูปหน้าให้ยาวขึ้น ดูสมส่วน และดูเรียวสวยมีมิติมากขึ้นครับ
รูปหน้าของเรามีกี่ทรง?
โดยก่อนอื่นคนไข้ต้องรู้ถึงทรงใบหน้าของตัวเองก่อนครับ เพราะจะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น
รูปหน้าของคนเรามีทั้งหมดหลักๆ 7 ทรงด้วยกัน ประกอบด้วย
รูปหน้ายาว
มีลักษณะคล้ายกับหน้ารูปไข่เหมือนกันแต่จะมีความยาวมากขึ้นจากส่วนหน้าผากและคาง กรอบหน้าเล็ก เมื่อมองภาพรวมจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าความยาวใบหน้าจะมากกว่าด้านข้าง
หน้ารูปไข่
เป็นอีกหนึ่งรูปทรงใบหน้าที่หลายคนชอบ ด้วยความยาวของใบหน้าจะมากกว่าความกว้าง ส่วนหน้าผากจะกว้างกว่าช่วงกราม ส่วนของกรามและคางจะมนเรียวได้รูป เมื่อดูภาพรวมของใบหน้าก็จะมีความมน ดูสวยแบบมีมิติ
รูปหน้ากลม
โดยลักษณะใบหน้าเช่นนี้ จะมีความกว้างและความยาวของหน้าเกือบเท่ากันทุกองศา ช่วงที่กว้างที่สุดจะเป็นช่วงโหนกแก้ม หน้าผากกับช่วงกรามจะเล็กกว่า ลักษณะช่วงกรามจะมีรูปมนๆ
หน้ารูปสี่เหลี่ยม
รูปหน้าแบบนี้มีความกว้างและความยาวพอๆ กัน กรอบหน้าสองข้างค่อนข้างตรงลงมา ปลายคางตัด และมีสันกรามที่ค่อนข้างกว้างจึงทำให้ดูเป็นเหลี่ยม
หน้ารูปหัวใจ
เป็นรูปทรงหน้าที่ดูสวยและมีเสน่ห์ในตัวอยู่แล้วครับ เริ่มตั้งแต่หน้าผากจะมีความคล้ายรูปวาดหัวใจมีไรผมแหลมลงมาที่กลางหน้าผาก จากหน้าผากลงมาถึงคาง ส่วนกรอบหน้าจะค่อยๆ เรียวลงมาจนถึงส่วนคางซึ่งจะมีความมนเหมือนปลายรูปหัวใจ
- รูปหน้าสามเหลี่ยม หรือ V-Shape
เป็นทรงที่คนไข้ศัลยกรรมคางส่วนใหญ่ใฝ่ฝันและนิยมทำหน้าทรงนี้กันมาก เพราะมีโครงหน้าที่เหมือนสามเหลี่ยมกลับหัวเนื่องจากมีส่วนหน้าผากกว้างและสูง มีเส้นกรอบหน้าแคบเรียวลงมาจนถึงส่วนคาง ในขณะที่ส่วนคางจะแหลมจนเห็นได้ชัดคล้ายเป็นเป็นตัววีนั่นเองครับ
โครงหน้าแบบไหนที่ถือว่า “สวย สม ส่วน”
โดยทั่วไปแล้ว โครงหน้าของคนเรานั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนครับ คือ ใบหน้าส่วนบน ส่วนกลาง และส่วนล่าง โดยทั้ง 3 ส่วนที่ถูกแบ่งนี้ต้องมีอัตราขนาดที่เท่ากันคือ 1/3 นั่นเอง ซึ่งขนาดตามที่หมอได้กล่าวไป จะช่วยให้หน้าเกิดความสมดุลได้ทั้งในเรื่องของความและความสูงครับ
แบบไหนที่เรียกว่า “คางสวย หน้าเรียว”
ความกว้างของคางที่เหมาะสมนั้น ต้องอยู่ในระยะระหว่างริมฝีปาก และกระดูกกราม (ขอบใบหน้า) มีความกว้างที่เท่ากันทั้งสองด้าน โค้งเป็นรูปตัว U หรือตัว V และเส้นโค้งต้องรับกับใบหน้าทั้งด้านตรงและด้านข้างอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ดีครับ การเสริมคางเพียงอย่างเดียวนั้น อาจไม่ได้ตอบโจทย์เราเสมอไป ในบางท่านอาจจะต้องจัดฟันร่วมด้วย หรือหากกล่าวง่ายก็คือ หน้าจะเรียวได้เร็วหรือช้านั้นจะขึ้นอยู่กับโครงหน้าของคนไข้แต่ละท่านนั่นเอง ดังนั้น คนไข้จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ร่วมด้วยเพื่อผลการศัลยกรรมที่ดีครับ
การเสริมคาง มีกี่แบบ และมีแบบไหนบ้าง?
การทำศัลยกรรมเสริมคาง มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี ได้แก่
การฉีดฟิลเลอร์ หรือไขมันของตัวเอง
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ ซึ่งสารเติมเต็มที่เลือกใช้จะมีความปลอดภัย เช่น Hyaluronic Acid (HA) มีความคงตัวสูงเเละจะมีอายุอยู่ประมาณ 1-2 ปี ส่วนไขมันของตัวเอง อายุ 1 ปี จะสลายประมาณ 20% เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไม่มากสามารถทำได้สะดวก รวดเร็ว เเละฟื้นตัวได้ไว
การเสริมคางด้วยซิลิโคน
จุดเด่นของซิลิโคนคือ ทำเป็นรูปทรงได้ง่าย อยู่ได้ถาวร และถ้าหากมีการอักเสบ ผิดรูป หรือไม่ชอบทรงก็สามารถเปลี่ยนได้ ซึ่งการเสริมซิลิโคน เป็นการผ่าตัดเล็ก ใช้ซิลิโคนชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในการเสริมจมูก มาเหลาปรับทรงตามความเหมาะสม
มาทำคางกับ “หมอกัน” กันเถอะ!
อย่างที่หมอกล่าวไปครับว่า ในการเสริมคางหรือแม้แต่กระทั่งการทำศัลยกรรมในส่วนอื่นๆ นั้น ต้องอาศัยการศึกษาข้อมูลและการปรึกษากับศัลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งหมอยินดีที่จะให้คำแนะนำกับคนไข้ทุกท่านที่สนใจและทักเข้ามาสอบถามครับ ซึ่งในขั้นตอนก่อนเข้ารับการเสริมคาง หมอจะทำการพิจารณาโดยการประเมินองค์ประกอบทุกๆ ส่วนบนใบหน้าของคนไข้เพื่อหารูปทรงของคางที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้เข้ากับรูปหน้า และความต้องการของคนไข้แต่ละเคส นอกจากนี้ยังมีซิลิโคนเหลาเฉพาะแต่ละคน เพื่อแก้ปัญหาคางของแต่ละคนด้วยนะครับ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
“คางบุ๋ม” เจ้าปัญหา ไม่อยากมีคางแบบนี้ ต้องแก้ยังไง?
มาดูกัน! ฉีดคาง-เสริมคาง ต่างกันอย่างไร?
“ปรับโครงหน้า” เสริมคางช่วยได้จริงไหม มาดูกัน